คลายข้อสงสัย...เรื่องล้างจมูก (ตอนที่ 2)

คลายข้อสงสัย...เรื่องล้างจมูก (ตอนที่ 2)

เทคนิคการล้างจมูก มีดังต่อไปนี้

  1. ควรอุ่นน้ำเกลือก่อนการล้างจมูกเสมอ โดยให้มีอุณหภูมิพอเหมาะกับเยื่อบุจมูก การใช้นเกลือที่ไม่ได้อุ่นล้างจมูกอาจทำให้เกิดการคัดจมูกหลังการล้างได้ การอุ่นน้ำเกลือสามารถทำได้โดยเทน้ำเกลือสำเร็จรูป เช่น น้ำเกลือในขวดที่บรรจุมาแล้วจากโรงงาน หรือน้ำเกลือที่ได้จากการผสม (โดยใช้เกลือซองสำเร็จรูปผสมกับน้ำสะอาด) ใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ชาม ในขนาดพอประมาณ ที่จะทำการล้างในเวลานัน ๆ และนำไปอุ่นในเครื่องไมโครเวฟ ในกรณีที่อยากทำน้ำเกลือไว้ล้างเอง อาจทำได้โดย ต้มน้ำประปาในขนาด 1 ขวดแม่โขง (750 ซีซี) ในหม้อต้มให้เดือด หลังจากนั้นใส่เกลือแกง หรือเกลือป่นที่ใช้ปรุงอาหารลงไป 1 ช้อนชา แล้วคนให้เข้ากัน หลังจากนั่นจึงปิดไฟ และตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น (น้ำเกลือที่เตรียมเอง ควรใช้ภายใน 1 วัน เท่านั่น ที่เหลือควรทิ้งไป) ก่อนนำน้ำเกลือที่อุ่นแล้ว นั่นมาล้างจมูก ควรทดสอบกับหลังมือเสียก่อน น้ำเกลือควรจะอุ่นในขนาดที่หลังมือทนได้
  2. ควรล้างจมูกบนโต๊ะ โดยหาภาชนะมารองรับน้ำเกลือหลังล้าง ที่จะออกมาทางจมูก และปาก เช่น ชาม หรือกะละมัง หรือล้างในอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ
  3. ใช้ลูกยางแดง หรือกระบอกฉีดยา ดูดน้ำเกลืออุ่นได้ที่แล้วในขนาดน้อย ๆ ก่อนเช่น ประมาณ 10-15 ซีซี ในผู้ใหญ่ หรือประมาณ 5 ซีซี ในเด็ก หรือกรอกน้ำเกลือใส่ขวดพลาสติกที่ใช้สำหรับล้างจมูก
  4. ผู้ที่จะล้างจมูกควรนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า และก้มหน้าเล็กน้อย อยู่เหนือภาชนะรองรับน้ำเกลือหลังจากที่ล้างแล้ว ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ หรืออยู่เหนืออ่างล้างหน้า ควรเริ่มล้างจมูกข้างที่โล่งกว่าหรือคัดน้อยกว่าก่อน
  5. ควรนำปลายของลูกยางแดง หรือกระบอกฉีดยา หรือขวดพลาสติกที่ใช้สำหรับล้างจมูก ใส่เข้าไปในจมูกข้างที่จะล้างเล็กน้อย อ้าปากไว้ แล้วหายใจเข้าเต็มที่ และกลั้นหายใจไว้
  6. บีบลูกยางแดง หรือดันกระบอกสูบของกระบอกฉีดยา หรือบีบขวดพลาสติกที่ใช้สำหรับล้างจมูกเบา ๆ ให้น้ำเกลือไหลเข้าไปในจมูกช้า ๆ ซึ่งน้ำเกลือก็จะผ่านเข้าไปในโพรงจมูกข้างหนึ่ง แล้วไปกระทบกับผนังของโพรงหลังจมูก แล้วผ่านเข้าไปในโพรงจมูกอีกข้างหนึ่ง (โพรงจมูกซ้ายและขวามีทางเชื่อมต่อกันทางด้านหลัง) แล้วออกมาทางรูจมูกอีกข้างหนึ่งหลังจากที่น้ำเกลือส่วนใหญ่ไหลออกมาจากจมูก และ / หรือปากแล้วให้หายใจตามปกติได้ ข้อสำคัญคือ ระหว่างที่ดันน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูก จะต้องกลั้นหายใจไว้ มิฉะนั้นอาจหายใจเอาน้ำเกลือลงไปยังกล่องเสียงและหลอดลมทำให้เกิดการสำลักได้
  7. หลังจากที่คุ้นเคยกับการล้างจมูก และรู้จังหวะของการหายใจแล้ว จึงค่อย ๆ เพิ่มปริมาณของน้ำเกลือในการล้างแต่ละครั้งขึ้นเรื่อย ๆ การล้างจมูกให้ได้ประสิทธิภาพในการชำระล้างโพรงจมูกให้สะอาดนั้น ควรจะดันน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกทุกทิศทาง เช่น ทางขวา ซ้าย ด้านบนและล่างของโพรงจมูก เพื่อชะล้างน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกออกได้ทั่วทั้งโพรงจมูก และออกมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หลังจากฉีดล้างโพรงจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ควรจะมีน้ำเกลือไหลออกจากโพรงจมูกอีกข้าง ถึงจะเป็นการล้างที่ถูกต้องคือ มีปริมาณของน้ำเกลือที่ใช้ล้างในแต่ละครั้ง และมีความแรงของน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปเพียงพอ ควรล้างโพรงจมูกสลับข้างไปเรื่อย ๆ เช่น หลังล้างข้างซ้าย ก็ควรย้ายไปล้างข้างขวา แล้วสลับกันไปมา
  8. การล้างจมูกแต่ละครั้งนั้น ควรล้างจนกว่าจะรู้สึกว่าจมูกโล่ง ไม่มีน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกอะไรคั่งค้างในจมูกและควรล้างจนกว่าน้ำเกลือที่ออกมาจากจมูกและปาก จะใสเหมือนกับน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปในโพรงจมูก จึงจะหยุดการล้างได้
  9. หลังจากล้างเสร็จ สามารถสั่งน้ำมูก หรือน้ำเกลือที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูก และบ้วนน้ำเกลือและน้ำมูกส่วนที่ไหลลงคอรวมทั้งเสมหะในคอออกมาได้ การล้างจมูกอย่างถูกต้องบ่อย ๆ จะไม่เกิดโทษ หรืออันตรายต่อจมูก หรือร่างกาย ในทางตรงกันข้าม จะมีประโยชน์โดยช่วยล้างน้ำมูก สิ่งสกปรกที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูกออก ดังนั่น ในช่วงวันหยุด ถ้าล้างเพิ่มได้ ก็ควรจะทำ ควรล้างจมูกก่อนการพ่นยาในจมูกเสมอ แนะนำให้ล้างจมูกก่อนเวลารับประทานอาหาร (ขณะท้องว่าง) หรือหลังรับประทานอาหารแล้วอย่างน้อย 2 ขึ้นไปเพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลัก
  10. หลังล้างจมูกเสร็จทุกควรครั้งล้างอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างจาน แล้วล้างด้วยน้ำประปาจนสะอาด (ในกรณีที่ใช้ลูกยางแดงหรือกระบอกฉีดยาที่ทำจากแก้ว หลังจากล้างแล้วควรนำมาต้มกับน้ำเดือด ประมาณ 2 นาที) แล้วผึ่งให้แห้ง

 

การล้างจมูก กับการใช้น้ำเกลือพ่นจมูกมีข้อแตกต่างกันอย่างไร

ต่างกันเรื่องปริมาตรของน้ำเกลือที่ใช้ทำความสะอาดโพรงจมูก การล้างจมูกใช้ปริมาตรของน้ำเกลือที่ใช้ทำความสะอาดโพรงจมูกมากกว่า ขณะที่การใช้น้ำเกลือพ่นจมูกใช้ปริมาตรของน้ำเกลือที่ใช้ทำความสะอาดโพรงจมูกน้อยกว่า ดังนั่น ประโยชน์ที่ได้จากการล้างจมูกนั่น น่าจะมากกว่าการใช้น้ำเกลือพ่นจมูก เปรียบเสมือนการล้างจมูก คือ การอาบน้ำ การใช้น้ำเกลือพ่นจมูก คือการเช็ดตัว การอาบน้ำ ย่อมทำให้ร่างกายสะอาดมากกว่าการเช็ดตัว แต่การใช้น้ำเกลือพ่นจมูกมีประโยชน์ในกรณีที่ผู้ที่จะล้างจมูก ไม่สะดวกในการเตรียมอุปกรณ์สำหรับล้างจมูก อาจใช้น้ำเกลือพ่นจมูกทำความสะอาดโพรงจมูกแทน

 

ทำไมเมื่อมีการล้างจมูกแล้ว บางทีมีน้ำไหลลงคอ หรือมีอาการหูอื้อ ปวดหู มีเสียงดังในหู หรือเวียนศีรษะ บ้านหมุนได้ และจะเป็นอันตรายหรือเปล่า

เนื่องจากโพรงจมูกด้านหลังมีช่องทางติดต่อกับคอ และหูชั้นกลาง โดยผ่านท่อยูสเตเชียน (eustachian tube) ซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลาง (middle ear) และโพรงหลังจมูก (nasopharynx) ดังนั่น เมื่อล้างจมูก แล้วน้ำเกลือจึงอาจลงมาในคอได้ซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ผู้ล้างจมูกสามารถบ้วนน้ำเกลือที่ไหลลงมาในคอทิ้งได้

ท่อยูสเตเชียนทำหน้าที่ช่วยปรับความดันของหูชั้นกลางให้เท่ากับบรรยากาศภายนอก เมื่อใดที่ีท่อนี้ทำงานผิดปกติไป จะทำให้เกิดอาการหูอื้อ (aural fullness or hearing loss), ปวดหู (otalgia), มีเสียงดังในหู (tinnitus) หรือเวียนศีรษะ บ้านหมุน (vertigo)ได้ ตัวอย่างในชีวิตประจำวันที่เราพบได้บ่อยที่ท่อนี้ทำงานผิดปกติ ได้แก่ เวลาขึ้น หรือลงลิฟท์เร็ว ๆ หรือเครื่องบินขึ้น หรือลงเร็ว ๆ หรือ เวลาดำน้ำ หรือ เวลาเป็นหวัด หรือ ไซนัสอักเสบ หรือภูมิแพ้กำเริบ จะมีอาการหูอื้อ, ปวดหู, มีเสียงดังในหู หรือเวียนศีรษะ บ้านหมุน ดังนั่น เวลาล้างจมูกน้ำอาจไปถูกรูเปิดของท่อยูสเตเชียน ทางด้านหลัง ทำให้ผู้ล้างมีอาการหูอื้อ หรือปวดหูได้ ซึ่งอาการดังกล่าวมักจะเป็นเพียงชั่วคราว และไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ผู้ล้างควรจะสังเกตว่าดันน้ำเข้าไปในโพรงจมูกทิศทางใด แล้วเกิดอาการของหู ดังกล่าว ก็ควรหลีกเลี่ยงทิศทางนั้น ๆ

 

การล้างจมูก จำเป็นต้องทำเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้จมูกเท่านั่นหรือเปล่า

ไม่จำเป็น คนธรรมดาที่แข็งแรงดี แล้วอยากล้างทำความสะอาดในโพรงจมูกก็สามารถทำได้ หรือผู้ป่วยเหล่านี้ ที่
ไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้จมูก ก็สามารถล้างจมูกได้

  • ผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากการติดเชื้อ หรือ “หวัด”
  • ผู้ป่วยโรคไซนัสอักเสบ
  • ผู้ป่วยโรคริดสีดวงจมูก
  • ผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบเหี่ยวฝ่อ
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดจมูกและ/หรือไซนัส
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงบริเวณจมูกและ/หรือไซนัส

 

กรณีที่ใช้อุปกรณ์ล้างจมูกที่มีแรงดันสูงมาก จะเป็นอันตรายหรือเปล่า

ในคนปกติ อาจต้องระมัดระวังว่า น้ำที่มีแรงดันที่สูงมาก อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะในโพรงจมูก หรือรู
เปิดของท่อยูสเตเชียน ทางด้านหลังโพรงจมูกได้ และยิ่งในผู้ป่วยที่โครงสร้างในโพรงจมูกไม่ปกติ เช่นเคยได้รับการผ่าตัดโพรงจมูกและ/หรือไซนัส หรือเคยได้รับการฉายแสงบริเวณโพรงจมูกและ/หรือไซนัสมาก่อน ก็ควรระมัดระวังให้มากยิ่งขึน

 

Cr. รศ. นพ. ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
www.rcot.org ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย

 

 

 

 

Recent Post

icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-598icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-599icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5910icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5911icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5912icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5913icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5914

Sharing

Facebooktwitterredditpinterestlinkedinmail

Follow Us

Facebooktwitterlinkedinrssyoutube