มลพิษทางอากาศกับระบบทางเดินหายใจ
ทุกวันนี้อากาศในบ้านเรามีปริมาณฝุ่นและก๊าซพิษเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ปัจจัยสำคัญ ก็คือ ควันพิษจากท่อไอเสีย
รถยนต์ และควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ เชื้อเพลิง พวกน้ำมัน หรือถ่านหิน และสารเคมี
ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีพวกฝุ่นจากการก่อสร้างความจริงมนุษย์เรารู้ว่าฝุ่นและควันพิษ มีผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ
มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ของอังกฤษ ในช่วงปี ค.ศ. 1377-1399 มีการกำหนดระเบียบกฎเกณฑ์การใช้ถ่านหิน
เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมในโลกเราได้ประสบปัญหามลภาวะทางอากาศอย่างรุนแรงหลายครั้ง เช่น ปี ค.ศ. 1930
ที่เบลเยี่ยม, ปี ค.ศ. 1948 ที่เพนซิลวาเนีย และ ปี ค.ศ. 1952 ที่กรุงลอนดอน ทำให้มีผู้ป่วยตายเป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้น จึงมีผู้ให้ความสนใจและหาวิธีป้องกันอันตรายจากมลพิษทางอากาศอย่างจริงจัง
มลพิษทางอากาศ แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- อนุภาคฝุ่นและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
- ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ และโอโซน ซึ่งเป็นสารเกิดจากปฏิกิริยากับแสงแดด
- อื่น ๆ
ในข้อแรก จะเป็นผลพวงมาจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะที่ใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลได้แก่ พวกถ่านหินน้ำมันดิบ
ส่วนในข้อสอง จะมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ เช่น จากรถยนต์ และก๊าซเหล่านั้นไปทำปฏิกิริยากับแสงแดด
นอกจากนั้นยังมีพวกก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ที่ไม่สมบูรณ์ และก๊าซไฮโดรคาร์บอน
ซึ่งอาจเป็นตัวการของการเกิดมะเร็ง
อนุภาคฝุ่นที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่จะมีขนาด 1-10 ไมครอน ขนาดที่ใหญ่กว่านี้จะถูกจับไว้โดยขน
ที่จมูก ไม่ผ่านลงไปที่ระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ส่วนฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.5 ไมครอน เมื่อผ่านเข้าไปที่ระบบ
ทางเดินหายใจส่วนล่างแล้วก็จะถูกหายใจออกมามีส่วนน้อยที่จะคงค้างอยู่ในถุงลม ปกติฝุ่น ที่หลุดเข้าไปในหลอดลม
ร่างกายจะพยายามกำจัดออกโดยขนเล็กๆ ที่อยู่ที่หลอดลมพยายามที่จะกวาดเอาฝุ่นขึ้นมา ส่วนที่เข้าไปในถุงลมจะ
ถูกกำจัดโดยเซลล์ของร่างกายชนิดหนึ่ง เรียกว่า แมคโดฟาจ แต่ในคนที่เป็นโรคถุงลมโป่งพองหรือหลอดลมอักเสบ
เรื้อรัง กลไกการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้าร่างกายจะไม่เหมือนปกติทำให้โอกาสเกิดอาการผิดปกติได้มากกว่า
ในคนที่สุขภาพดี
ฝุ่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ และโอโซน มีผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการ
แสบจมูก ไอ แน่นหน้าอก สมรรถภาพปอดลดลง และทำให้เกิดหลอดลมตีบได้ โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรค หอบหืด
ถุงลมโป่งพอง หรือ หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ผลกระทบต่อสุขภาพจะเกิดได้บ่อยกว่าในคนสูงอายุ เด็กเล็ก และคนที่มี
โรคปอด หรือโรคหัวใจอยู่เดิม นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กจะเพิ่มขึ้นในเมืองใหญ่ที่มีฝุ่น
และควันพิษมาก โดยทั่วไปปริมาณความเข้มข้นของอนุภาคฝุ่นหรือควันพิษมีปะปนอยู่แล้วในอากาศในปริมาณเล็กน้อย
ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ถ้าหากเกิดในปริมาณสูงมากขึ้นโดยเฉพาะในสภาวะที่อากาศนิ่ง ไม่ถ่ายเท ก็จะเกิดผล
กระทบต่อสุขภาพได้มากขึ้น นอกจากนี้การออกกำลังกายก็ทำให้มีโอกาสได้รับก๊าซพิษมากขึ้น เพราะว่าก๊าซพิษ
ส่วนหนึ่งจะไม่ถูกกรองโดยจมูก แต่จะเข้าทางปากและลงไปสู่หลอดลมส่วนล่างได้ง่ายและมีปริมาณมากขึ้น
ปัญหาที่อาจจะมองข้ามไป คือ ภาวะมลพิษทางอากาศ ไม่ได้เกิดเฉพาะในที่กลางแจ้งเท่านั้น แม้ในบ้านเรือนก็มี
โอกาสเกิดได้ เช่น จากการใช้เตาอบ เตาแก๊ส ในที่อากาศถ่ายเทไม่ดี หรือ พิษจากควันบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบ เป็นต้น
การป้องกันในแง่ส่วนบุคคล คือ การหลีกเลี่ยงเข้าไปในบริเวณที่มีการจราจรแออัด หรือเขตโรงงานอุตสาหกรรม
ไม่ออกกำลังกายกลางแจ้งในบริเวณที่มีฝุ่นหรือควันพิษจำนวนมาก การสวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่นละอองช่วยได้
ไม่มาก เพราะอนุภาคมีขนาดเล็ก สามารถเล็ดลอดผ่านหน้ากากได้ ความจริงสิ่งสำคัญ คือ แก้ที่ตัวต้นเหตุ ได้แก่
มีมาตรการควบคุมควันและก๊าซพิษที่ปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมให้มีระดับที่ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การควบคุมควันเสียจากรถยนต์ ตลอดจนการคุมตัวตึกในบริเวณที่มีการก่อสร้างอาคาร เป็นต้น
Cr. บทความสุขภาพ วารสารเก้าทันโรค
โรงพยาบาลพระรามเก้าภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต