อากาศที่บริสุทธิ์ กับ การพักผ่อนเพียงพอ

ภาพประกอบจาก p.lnwfile.com

อากาศรอบตัวท่านบริสุทธิ์หรือไม่

หากลองกลั้นหายใจแล้วจับเวลาดู ท่านคิดว่าจะทำได้นานเท่าไหร่ มีน้อยคนจะกลั้นได้ถึงหนึ่งนาที แต่นั่นก็เป็นเวลาแค่สั้น ๆ เมื่อเทียบกับการที่คนเราหายใจตลอดเวลา เมื่อใดที่ร่างกายขาดอากาศก็จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 5 ถึง 6 นาที และสมองจะเริ่มถูกทำลายหากขาดออกซิเจนเกิน 4 นาที เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเราจึงต้องการออกซิเจนเพื่อความอยู่รอด

อากาศมีอยู่ทุกที่ ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่ไม่ต้องหาซื้อที่ไหน ถ้าเช่นนั้น ไฉนอากาศจึงได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร “เริ่มต้นชีวิตใหม่” ที่เราควรเรียนรู้ นั่นก็เพราะบางครั้งท่านอาจไม่ได้รับอากาศบริสุทธิ์และประโยชน์จากการหายใจ มากเท่าที่ควร

หากท่านอาศัยอยู่ในเมืองที่มีมลภาวะทางอากาศสูง ในแต่ละวันท่านสูดรับอากาศที่มีสารปนเปื้อน 200 ส่วนในล้านส่วน ในปริมาณสูงถึง 8,500 ลิตร สารปนเปื้อนที่ว่านี้มีทั้งละอองฝุ่น ไอเสียจากรถยนต์ ควันจากโรงงานที่ลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วไป ฟังดูแล้วน่ากลัวจริง ๆ มลพิษในอากาศเป็นสาเหตุทำให้คนมากมายเป็นโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหืดหอบ จนถึงขั้นมะเร็งปอด
หลายคนมีสุขภาพดีขึ้นเมื่อได้ย้ายออกสู่ชนบท ในที่ที่อากาศสะอาดและบริสุทธิ์ ท่านรู้จักใครบ้างที่มีปัญหาสุขภาพและควรย้ายไปอยู่นอกเมือง
คงไม่ใช่ทุกคนที่สามารถย้ายออกจากเมืองได้ ถ้าเช่นนั้นเราควรแก้ปัญหาโดยการติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้กับบ้านและที่ทำงานดีไหม เพื่อจะมีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจ คำตอบคือได้ แต่เราจะพบปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ อากาศที่ได้รับนั้นเป็นอากาศเสียที่ถูกฟอกให้บริสุทธิ์ใหม่ คุณภาพจึงลดน้อยลง เราอาจจะไม่ได้รับอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ อากาศที่ได้มาถูกหมุนเวียนแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ เพราะการนำเอาอากาศที่เย็นอยู่แล้วกลับมาทำให้เย็นอีกโดยอาศัยอากาศใหม่จากภายนอกเพียงเล็กน้อย ก็เป็นการประหยัดไฟกว่าที่จะทำให้อากาศร้อนภายนอกเย็นลง แต่การหมุนเวียนอากาศมาใช้แม้มีราคาถูกกว่า คุณภาพของอากาศจะด้อยลง นอกจากที่อากาศต้องผ่านเครื่องกรองหลายครั้งแล้ว การหมุนเวียนอากาศมาใช้ใหม่ยังเป็นการแพร่เชื้อโรคได้อีกทางหนึ่ง คือถ้ามีคนป่วยอยู่ในบ้านหรือที่ทำงาน อากาศที่ปนเปื้อนเชื้อโรคจะหมุนเวียนกระจายอยู่ภายในห้อง และในที่สุดท่านก็จะหายใจรับเชื้อเข้าไป จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมโรคที่ติดต่อทางการหายใจนั้นเกิดขึ้นง่ายมากในโลกปัจจุบัน

เราควรทำอย่างไรดีเพื่อให้อากาศที่เราหายใจนั้นบริสุทธิ์และปลอดภัย อาจจะขอให้เพื่อนออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองเครื่องปรับอากาศ ตั้งค่าระบบเครื่องปรับอากาศเพื่อนำเอาอากาศใหม่เข้ามามากขึ้น หรือนำต้นไม้มาปลูกในห้อง หรือที่ทำงานของท่าน น่าอัศจรรย์ที่ต้นไม้สามารถดูดซึมสารพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เราหายใจออกมา แล้วคายออกซิเจนออกมาให้เรามีอากาศบริสุทธิ์ได้หายใจอีกด้วย ให้เราร่วมสนับสนุนโครงการลดมลภาวะ ออกไปสูดอากาศบริสุทธ์ที่นอกเมืองบ่อย ๆ เช่นใกล้ภูเขา ทะเล น้ำตก ท่านจะได้รับอากาศบริสุทธิ์สดชื่นจากสถานที่เหล่านี้

เมื่อท่านต้องเจอกับจราจรที่คับคั่งหรือฝุ่นควันมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมหน้ากากปิดจมูก ซึ่งจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่ที่มีมลพิษ เพราะแทนที่จะได้ประโยชน์กลับต้องเสียสุขภาพเพราะควันพิษ

ประโยชน์ของอากาศบริสุทธิ์

สมองจะทำงานได้ดีหากได้รับอากาศบริสุทธิ์ จากการวิจัยพบว่า เด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้หากได้รับอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้มีพัฒนาการดีขึ้น ส่วนผู้ที่รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานหรือการเรียน อาจเป็นเพราะท่านได้รับอากาศบริสุทธิ์ไม่เพียงพอก็ได้

การหายใจลึก ๆ ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ เช่น วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ ฯลฯ เพราะอากาศบริสุทธิ์นั้นจะช่วยล้างสิ่งสกปรกที่มีอยู่ในปอดให้ออกมา อากาศเสียอาจทำให้ท่านมีอาการปวดศรีษะ หงุดหงิด วิตกกังวล และเหนื่อยล้าง่าย

ประโยชน์ของการสูดลมหายใจลึก ๆ

• ช่วยในการย่อยอาหาร และการไหลเวียนของเลือด
• ช่วยป้องกันการติดเชื้อในปอด
• ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และแผลในกระเพาะอาหาร
• ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ
• ลดอาการปวดตามข้อ
• ช่วยให้มีอารมณ์ดีขึ้น
• ช่วยให้มีความกระฉับกระเฉง ว่องไว

จะรับอากาศบริสุทธิ์ให้เพียงพอได้อย่างไร

คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับประโยชน์จากการหายใจอย่างครบถ้วน เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้สูดหายใจเข้าลึก ๆ ลองสูดหายใจให้เต็มปอด แล้วท่านจะรู้สึกว่าปอดได้รับอากาศมากขึ้นกว่าเดิม

ต่อไปนี้เป็นวิธีการออกกำลังง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ท่านได้รับออกซิเจนมากขึ้น ยกแขนสองข้างขึ้นเหนือศรีษะ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกช้า ๆ สูดเข้าไปในช่องท้องให้ลึกที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้ หลังจากนั้นค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกทางปากจนรู้สึกว่าอากาศออกจากท้องจนหมด ดันอากาศออกให้หมดด้วยการไอออกมาครั้งหนึ่ง ทำขั้นตอนเหล่านี้ประมาณ 5 - 10 ครั้ง ทุก ๆ วัน เพื่อท่านจะได้รับประโยชน์จากอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่

การยืนและการนั่งแบบตัวตรงช่วยให้หายใจได้ลึกขึ้นเช่นกัน ไม่ควรนำอะไรมาบีบรัดบริเวณช่องท้องเพราะจะทำให้ท่านหายใจได้ไม่ลึก วิธีสนุก ๆ อีกวิธีที่จะช่วยให้ท่านได้รับออกซิเจนมากขึ้นคือการร้องเพลง

วิธีที่ท่านจะได้รับออกซิเจนดีที่สุดคือ การออกกำลังกาย โดยปกติแล้วขณะที่คนเราพักผ่อน ใน 1 นาทีจะหายใจเอาออกซิเจนแค่ 4 ลิตร หรือ 1 แกลลอนเท่านั้น แต่เมื่อออกกำลังกายปอดจะรับและถ่ายเทออกซิเจนมากถึง 52 ลิตร หรือ 13 แกลลอนใน 1 นาที การออกกำลังกายในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้มีสุขภาพดี สมองปลอดโปร่ง และมีทัศนคติที่ดี

ท่านคงรู้สึกเครียดและประหม่าเวลาที่ต้องพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก การหายใจลึกๆ จะช่วยให้ท่านผ่อนคลายได้ หากกำลังโกรธหรือไม่พอใจกับบางสิ่งบางอย่าง ลองสูดหายใจลึก ๆ หลาย ๆ ครั้งแทนที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วท่านจะรู้สึกดีขึ้น อย่าลืมว่าอากาศเป็นของขวัญพิเศษ จงใช้มันให้เกิดประโยชน์

ร่างกายของท่านต้องการการพักผ่อน

แต่ละวันคนเราหายใจรับอากาศในปริมาณมาก วันหนึ่ง ๆ เราหายใจประมาณ 20,000 ครั้ง หัวใจเต้นประมาณ 100,000 ครั้ง และพร้อมกันนั้นออกซิเจนก็ถูกแจกจ่ายไปทั่วร่างกายผ่านไปทางเส้นเลือดที่ยาวถึง 95,000 กิโลเมตร เป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดีซึ่งปกติเคลื่อนไหวราววันละ 2,000 ครั้ง อีกทั้งช่วยให้เซลล์สมองประมาณ 14 ล้านเซลล์ทำงานต่อเนื่องตลอดเวลาด้วยเช่นกัน เมื่อร่างกายทำงานอย่างหนักเช่นนี้จึงจำเป็นต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ความเหนื่อยล้าเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องไปพบแพทย์ ทุกคนอยากมีร่างกายที่แข็งแรง ลองมาดูสิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะช่วยให้มีสุขภาพดี นั่นคือการ “พักผ่อน” หรือ R (Rest) ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร “เริ่มต้นชีวิตใหม่” (NEWSTART)

โทษของการนอนหลับไม่เพียงพอ

• ทำให้ประสิทธิภาพการจดจำลดลง
• เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น
• มักทำให้เกิดอาการซึมเศร้าและหงุดหงิดง่าย
• ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานด้อยลง
• ทำให้เจ็บป่วยง่าย

เราควรนอนหลับกี่ชั่วโมง

เฉลี่ยแล้วในคืนหนึ่งผู้ใหญ่ควรนอนหลับประมาณ 7 - 8 ชั่วโมง จากการศึกษาพบว่า คนส่วนมากที่นอนหลับพักผ่อนประมาณ 7 - 8 ชั่วโมง มีอัตราเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่นอนหลับไม่ถึง 7 ชั่วโมง หรือนอนเกิน 8 ชั่วโมง และการนอนหลับเกิน 9 ชั่วโมงในแต่ละคืนอาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้าได้

คนเราจะได้รับประโยชน์จากการนอนมากที่สุดในช่วงสองสามชั่วโมงก่อนเที่ยงคืน ฮอร์โมนเม็ลลาโทนิน (Melatonin) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต และสารเคมีสำคัญอื่น ๆ จะผลิตในช่วงที่เรานอนหลับสนิทท่ามกลางความเงียบสงบ การเข้านอนแต่หัวค่ำอาจแตกต่างไปจากวิถีชีวิตของคนส่วนมาก แต่การนอนหลับที่เพียงพอเป็นสิ่งที่ร่างกายและจิตใจของท่านต้องการ เพื่อจะมีพละกำลัง และประสบความสำเร็จ ลองเข้านอนตอนประมาณ 3 ทุ่ม และตื่นตีห้า แล้วสังเกตดูว่าผลที่ออกมาเป็นอย่างไร

เด็ก ๆ ยิ่งต้องการการพักผ่อนเพื่อการเจริญเติบโตของร่างกายด้วย กุมารแพทย์ให้คำแนะนำไว้ว่า เด็กควรนอนหลับประมาณ 9 - 12 ชั่วโมงต่อคืน หากได้นอนหลับแต่หัวค่ำก็จะมีสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงในวันใหม่ มีชีวิตการเรียนที่สดใส ส่วนคนที่เจ็บป่วยยิ่งต้องการนอนหลับพักผ่อนมาก ๆ เพื่อที่ร่างกายจะได้ฟื้นฟูและหายเร็วขึ้น

Cr. Nattasap

Recent Post

icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-598icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-599icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5910icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5911icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5912icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5913icon-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a-aqua-maris-05-9-5914

Sharing

Facebooktwitterredditpinterestlinkedinmail

Follow Us

Facebooktwitterlinkedinrssyoutube